มดแดงที่ถูกปลุกขึ้นมาแต่เช้า ตอนนี้กำลังอยู่ในอาการงัวเงียเซไปเซมา
เธอถูกลุงปลุกขึ้นมาแต่ไก่โห่ ลุงบอกว่ามีของจะให้ดู รับรองว่าเห็นแล้วต้องตาโต แต่ตอนนี้เธอคิดว่าเธออยากเห็นที่นอนนุ่มๆของเธอมากกว่า เพราะว่าสำหรับเด็กที่ถูกรบกวนการนอนหลับอย่างสบายอารมณ์ในตอนเช้าแล้ว ที่นอนช่างมีพลังอำนาจที่แสนเย้ายวนซะยิ่งกว่าดาราเกาหลีซะอีก
เธอเดินตามลุงไปที่อู่รถหลังบ้าน มดแดงจำได้ว่าที่อู่นั่นมีอะไหล่รถต่างๆเก็บไว้มากมาย แต่ถึงยังงั้นเธอก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าลุงอยากจะให้เธอดูอะไร หรือว่ามีอะไหล่รถพิลึกๆสั่งเข้ามารึไงกัน ? แต่นั่นมันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเธอเลยนี่นา
ลุงพาเธอมาหยุดอยู่ที่ของสิ่งหนึ่งซึ่งมีผ้าใบคลุมกันฝุ่นเอาไว้ ก่อนจะเปิดผ้าคลุมนั้นออกมาช้าๆ
สิ่งที่อยู่ใต้ผ้าคลุมนั้นคือรอมอเตอร์ไซด์ขนาดเล็กคันหนึ่ง ขนาดของมันเล็กซะจนเธอคิดว่าถ้าลุงเอาไปขี่คงจะตลกน่าดู เพราะมันเล็กกระทัดรัดซะจนดูเหมือนจะหิ้วไปไหนมาไหนได้เลยทีเดียว
"ฮอนด้ามังกี้ห้าสิบซีซี รุ่นคลาสสิคสำหรับนักสะสม"
ลุงอธิบายด้วยสีหน้าภาคภูมิ จากที่ลุงเล่าให้ฟังดูเหมือนว่ารถคันนี้จะเป็นของหายากที่นักเล่นรถยุคเก่าชอบเล่นกัน ว่ากันว่าเห็นคันเล็กกระจิ๋วหลิวแบบนี้แต่ราคาขายกันห้าหกหมื่นเลยทีเดียว จะเรียกคันเล็กราคาโตก็ว่าได้
แต่ก็นั่นแหละ มันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเธอซักหน่อย
มดแดงอ้าปากหาวจนตาหยี เธอยังคงรู้สึกว่า จะเรียกมาดูของแบบนี้ทำไม สู้ให้เธอไปนอนต่อยังจะดีกว่า
"แล้ว... มดแดงไปนอนต่อได้รึยังอ่ะ ?"
เธอตามพลางขยี้ตาด้วยความงัวเงีย
ลุงแย้มยิ้มอย่างใจดี ตบบ่าหลานรักแล้วถามว่า
"วันนี้เป็นวันเกิดมดแดงใช่มั้ย ?"
"อือ..."
"แล้วมดแดงก็ชอบรถสองล้อมากด้วยใช่มั้ย ?"
"อือ..."
"เพราะงั้นรถคันนี้ ลุงให้เป็นของขวัญ !"
"อือ... หา !!?"
มดแดงสะดุ้งโหยง อาการง่วงเมื่อครู่โดนความตกใจกลบไปจนหมดแล้ว เธอตอนแรกแค่คิดว่าลุงจะเอารถมาอวด ใครจะไปคิดว่าจะได้ของขวัญชิ้นโตราคาแพงแบบนี้กันล่ะ
ยิ่งสำหรับตัวเธอที่รักในรถสองล้อ แถมยังไฝ่ฝันจะเป็นนักขี่มอเตอร์ไซด์แล้วด้วย ของขวัญชิ้นนี้นับว่าเป็นของขวัญชิ้นที่มีค่าที่สุดนับตั้งแต่เกิดมาเลยทีเดียว
เธอทำตาโต มองดูรถมอเตอร์ไซด์ที่คันเล็กจิ๋วเหมือนกับตัวเธอด้วยอาการเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ก่อนจะหยิกแก้มตัวเองดูเพื่อยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป ส่วนลุงก็มองดูอาการตื่นตระหนกของหลานรักด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
"มอเตอร์ไซด์มันต่างจากจักรยาน เพราะงั้นเลยมีวิธีขี่ที่ยุ่งยากกว่าอยู่ซักหน่อย ต้องตบเกียร์ต้องระวังเรื่องความเร็ว น้ำหนักก็มากกว่าจักรยานเยอะ แต่ลุงเชื่อว่าถ้าเป็นหลานจะต้องขี่ได้แน่ๆ"
ลุงพูดอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้กับหลานรักที่ตอนนี้ขึ้นไปนั่งคร่อมโยกรถเล่นไปมาอย่างสบายอารมณ์ซะนานแล้ว
------------------------------------------------------
ลมเย็นจากการขี่มอเตอร์ไซด์ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากจักรยานที่เธอเคยขี่เหลือหลาย มดแดงเองก็เพิ่งจะเคยรู้สึกว่าสายลมที่ปะทะหน้ามันสดชื่นถึงขนาดนี้ อาจบางทีที่แตกต่างไม่ใช่ตัวลม แต่เป็นตัวเธอเองต่่างหาก
เพราะว่าลมความจริงเป็นลมแบบเดียวกัน ที่แตกต่างคือจิตใจว่าจะรับรู้มันอย่างไรมากกว่า
มดแดงขี่รถช้าๆเนิบนาบ เธอยังคงสวมหมวกกันน๊อคมีเขาใบโปรดกับผ้าพันคอสีแดงสดดังเช่นเคย แต่วันนี้เธอไม่ใช่เจ้าหนูสิงห์นักปั่นอีกแล้ว วันนี้เธอคือหน้ากากนักบิดที่แท้จริง ขนานแท้และดั้งเดิม
เป็นนักบิดรุ่นจิ๋ว กับมอเตอร์ไซด์ที่รุ่นจิ๋วพอกัน
ตลาดวันนี้มีคนไม่มากนัก อาจเพราะกว่าเธอจะมาถึงก็เล่นเอาสายน่าดู จนตลาดวายคนขายกลับบ้านไปเกือบหมดแล้ว ดังนั้นจึงมีพื้นที่เหลือเฟือให้เธอขี่รถเล่นไปตามตรอกตามทางเดินต่างๆอย่างสบายอารมณ์
พอออกจากตลาดก็มาถึงบริเวณไกล้ๆวัด เธอสังเกตเห็นว่าไต้ต้นไทรใหญ่มีชาวบ้านหลายคนจับกลุ่มมุงดูอะไรบางอย่าง ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเธอจึงลองขี่รถเข้าไปสังเกตดูบ้าง
ไต้ต้นไทรมีคุณลุงในชุดขาว หนวดเครารุงรังนั่งขัดสมาธิหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ ส่วนรอบข้างมีผู้คนนั่งคุกเข่าพนมมือกราบไหว้บูชาด้วยความเคารพ ที่อยู่ห่างออกไปหน่อยก็ยืนมุงดูกันดังที่เธอเห็นมาแต่ไกล แต่ถึงจะเข้ามาดูไกล้ๆแล้วเธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าพวกเขาทำอะไรกัน
เธอสะกิดคุณป้าร่างท้วมที่ยืนข้างหน้าพลางถามเสียงเจื้อยแจ้ว
"นี่ป้าจ๋า ทุกคนเขากำลังทำอะไรกันอยู่อ่ะ ?"
"อ้าวมดแดง ไม่รู้เหรอว่าเนี่ยพ่อหมอจอมอาคมชื่อดังเชียวนา หายากนะที่พ่อหมอแกจะมาดูดวงให้พวกเราฟรีๆเนี่ย เห็นว่าวันนี้วันเกิดแกเลยจัดรายการคืนกำไรให้ลูกค้า ทั้งดูดวงทั้งสะเดาะคราะห์ให้ฟรีไม่คิดตังค์ตลอดรายการเลยนะเออ ป้าเองก็ว่าจะมาให้พ่อหมอแกสะเดาะคราะห์ให้เหมือนกันเนี่ย พักนี้ดวงตกโดนเจ้ามือบ่อนกินเรียบบ๊อยบ่อย"
ป้าพูดอย่างเคืองแค้น ซึ่งความจริงหากป้าแกลองคิดดูให้ดีๆแล้วก็จะพบว่าวันนี้หรือวันไหนเจ้ามือบ่อนแกก็กินเรียบทุกวันนั่นแหละ ตามสูตรสำเร็จแต่โบราณ การพนันไม่ใช่ตาดีได้ตาร้ายเสีย แต่จะตาไหนๆมันก็มีแต่เสียลูกเดียว ถึงป้าจะสะเดาะเคราะห์ไปก็ไลฟ์บอย
"มดแดงเองก็ไม่ลองให้พ่อหมอแกสะเดาะเคราะห์มั่งเหรอจ๊ะ ชีวิตจะได้มีแต่เฮง เฮง เฮงไงล่ะ"
"แต่มดแดงตอนนี้ก็สุขสบายดีอยู่แล้วนี่นา ไม่โดนหวยกินไม่โดนเจ้ามือรวบ แถมเพิ่งจะได้ของขวัญจากลุงมาด้วย สบ๊ายสบายดีออก ไม่เห็นจะต้องไปสะเดาะเคราะห์ให้ลำบากเลยนี่"
"แหม ไอ้เรื่องแบบนี้ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นา อย่างวันก่อนญาติป้าถอยรถแมงกะไซมาแต่ไม่ยอมเอารถไปให้พระท่านเจิมให้เป็นมงคล แค่ไม่ถึงอาทิตย์ก็ไปสอยท้ายปิ๊กอัพนอนพะงาบๆอยู่ในโรงบาลเลย"
"จริงอ่ะ งั้นถ้ามดแดงไม่เจิมรถบ้างก็จะไปชนกับปิ๊กอัพเหมือนกันน่ะสิ ?"
"ใช่แล้วจ้ะ เพราะงั้นมดแดงเองก็ให้พ่อหมอแกเจิมรถให้บ้างจะดีกว่า จะได้โชคดีมีสิริมงคล"
มดแดงที่ถูกป้าร่างท้วมยุจนเชื่อกำลังคิดอยู่ว่าจะไปต่อคิวให้พ่อหมอเจิมรถให้บ้าง แต่ยังไม่ทันจะได้ไปไหนก็พอดีได้ยินเสียงบิดมอเตอร์ไซด์ดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ เสียงนั้นดังไกล้เข้ามาเรื่อยๆจนเธออดไม่ได้ต้องเหลียวไปมอง ก่อนจะต้องตาโตด้วยความตื่นเต้น
เจ้าของเสียงเป็นสิงห์นักบิดรุ่นจิ๋วแบบเดียวกับเธออีกคนหนึ่ง แถมยังขี่รถคันจิ๋วมาเหมือนกับเธอด้วย ต่างกันก็เพียงว่ารถของเขาเป็นรถทรงวิบากเท่านั้นเอง แต่ในด้านความจิ๋วแล้วก็ไม่ได้ต่างไปจากรถของเธอเลย
เธอไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เจอนักบิดรุ่นจิ๋วแบบเดียวกับตัวเองเร็วขนาดนี้ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เข้าไปทักมายทำความรู้จัก นักบิดวิบากจิ๋วคนนั้นก็ขี่ตกหลุมล้มกลิ้งไปซะก่อน
มดแดงรีบขี่รถเข้าไปดูอาการของเด็กคนนั้น โชคยังดีที่เด็กคนนี้สวมชุดป้องกันแบบนักแข่งรถวิบากมาครบสูตรจึงไม่ได้บาดเจ็บอะไร แต่ดูเหมือนว่าการล้มกลิ้งหลายตลบจะทำให้เขามึนๆไปพอสมควร ตอนที่ลุกขึ้นก็เลยเล่นเอาเดินเซไปมาอยู่พักหนึ่งเลยทีเดียว
มดแดงมองดูทั้งรถทั้งคนด้วยอาการตื่นเต้นดีใจที่ได้เจอพลพรรคนักบิดรุ่นจิ๋วแบบเดียวกับตัวเอง เด็กคนนั้นเองก็ดูเหมือนจะสังเกตออกเหมือนกัน หลังจากที่เธอมาจึงได้มีท่าทียืดอกภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด
เขาแนะนำตัวเองว่าชื่อลูกท้อ ส่วนรถวิบากคันจิ๋วนี้เป็นรถวิบากจิ๋วรุ่นใหม่ล่าสุดจากญี่ปุ่น เพราะเป็นของไหม่ราคาก็เลยแพงโขอยู่ ยิ่งพอมาเทียบกับรถเธอแล้วก็เรียกได้ว่าเป็นของสุดใหม่กับสุดเก่าคลาสสิค สวนทางกันไปชนิดคนละเรื่องเลย ถึงแม้จะเป็นของแพงเหมือนกันก็เถอะ
ลูกท้อเองก็สงสัยเหมือนกันว่าคนมามุงทำอะไรกันตรงนี้ มดแดงจึงเล่าเรื่องของพ่อหมอสะเดาะเคราะห์ให้ฟังตามที่ได้ยินมาจากคุณป้าอีกต่อหนึ่ง
"เธอเองก็ไปให้พ่อหมอเจิมรถให้ด้วยสิ จะได้ขี่ปลอดภัยไงล่ะ"
"หา ? เจิมรถแล้วขี่ปลอดภัยเนี่ยนะ อะไรกันล่ะนั่นไม่เคยได้ยิน"
เขาตอบแบบขวานผ่าซากแบบเด็กห้าว แต่คงจะพูดดังไปหน่อยเลยทำให้คนแถวๆนั้นได้ยินกันไปหมด เล่นเอาสายตาทุกคู่มองมาที่เขาเป็นจุดเดียว
คุณป้าขาไพ่คนเดิมรี่เข้ามาก่อนใคร แกรีบเล่าบรรยายสรรพคุณของการเจิมรถ พร้อมทั้งเล่าถึงเรื่องที่ญาติไม่ยอมเจิมรถจนต้องไปนอนหยอดน้ำข้ามต้มที่โรงพยาบาลให้ฟังด้วย แต่หลังจากฟังแล้วอาการของเขากลับต่างกับมดแดงชนิดคนละเรื่อง เพราะทางฝ่ายมดแดงเชื่อจนสนิทใจ แต่ทางลูกท้อกลับหัวเราะจนตัวงอ
"เรื่องของญาติป้ามีอะไรน่าตลกรึไงกันหนู ?"
คุณป้าขาไพ่ถามด้วยอาการเคืองอย่างเห็นได้ชัด แต่ลูกท้อกลับไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน กลับตอบเสียงระรื่น
"โทษทีๆ แต่ไม่ใช่ว่าญาติป้าไปซิ่งเป็นเด็กแว้นไม่ดูตาม้าตาเรือจนเสยปิ๊กอัพเดี้ยงหรอกเร้อ ถ้าอีแบบนั้นจะเจิมอะไรมามันก็ร่วงทั้งนั้นแหละ ไม่เกี่ยวกับเจิมไม่เจิมหรอกม้าง"
"เฮ้ๆ เจ้าเปี๊ยกไม่เชื่อก็อย่ามาลบหลู่นะ ของแบบนี้มันศักดิ์สิทธิ์จริงๆนะ ขนาดบนเรือเขายังมีการเคารพแม่ย่านางเรือเลย แล้วมอเตอร์ไซด์ทำไมจะมีแม่ย่านางมอเตอร์ไซด์บ้างไม่ได้"
"เรือมันทำมาจากไม้ จะมีการบูชาภูติผีที่สิงอยู่ในต้นไม้บ้างมันก็ไม่แปลกอะไร แต่มอเตอร์ไซด์มันเหล็กทั้งดุ้นนะป้า จะบอกว่ามีผีสิงอยู่ในแร่เหล็กที่เขาถลุงมาจากโรงงานเรอะ ?"
น้ำเสียงกับวิธีพูดของเขายิ่งฟังยิ่งดูไม่คล้ายเด็ก แต่ดูคล้ายเป็นวัยรุ่นห้าวๆไม่กลัวใครซะมากกว่า ขนาดโดนคนทั้งฝูงถลึงตามองก็ยังไม่สะทกสะท้าน แถมยังยิ้มท่าทางยียวนแบบว่าข้าแน่ใส่อีกด้วย
"นี่ลูกท้อ มดแดงว่ารีบขอโทษทุกคนเถอะ พวกลุงๆป้าๆเขาดูท่าทางโมโหใหญ่แล้วนะ"
มดแดงพยายามปรามด้วยสีหน้าเป็นกังวล แต่ก็ไม่ได้ทำให้ลูกท้อสะทกสะท้านแต่อย่างไร กลับยิ่งทำให้หนุ่มน้อยสิงห์นักบิดคึกมากไปกว่าเดิม เขายืดอกพูดเสียงดังว่า
"พวกลุงป้าตัวใหญ่ไร้สมองเอ๊ย คิดแต่จะเอาโชคดีเข้าตัวโดยไม่ขยับทำอะไรเลยนี่มันจะเห็นแก่ตัวเกินไปหน่อยล่ะม้าง เอาแต่คิดอะไรง่ายๆเข้าว่ายังเงี้ยถึงได้โดนเค้าหลอกเอาได้ง่ายๆ ยุคนี้มันยุควิทยาศาสตร์แล้ว มัวแต่สนใจเรื่องโชคลางก็ไม่ต้องทำอะไรกินกันพอดี เอาเวลาสนใจเรื่องพรรค์นี้ไปทำมาหากินจะดีกว่าม้าง เดี๋ยวก็ได้สมองฝ่อเป็นสาวกเทพเจ้าเจลลดไข้จากทองฟ้าร้อก รู้จักเปล่า เทพเจ้าคูลฟีเวอร์น่ะ"
"ระดับชั้นแล้วไม่ต้องพึ่งพาไสยศาสตร์มาช่วยสร้างความมั่นใจให้ชีวิตหรอก ถ้าจะเทียบชีวิตคนเป็นหนังซักเรื่อง ไอ้พล๊อตน่าเบื่ออย่างการสะกดจิตตัวเองให้มั่นใจน่ะชั้นไม่ใส่มันลงไปให้โง่หรอก เพราะหนังชีวิตของชั้นมันจะเป็นไคลแมกซ์ตลอดตั้งแต่ต้นยันจบเลยล่ะเฟ้ย !"
เขาพูดมาแบบนี้ก็ยิ่งเหมือนเป็นการราดน้ำมันลงบนกองไฟ แน่นอนว่าลูกท้อเองก็ไม่ได้โง่ เขาย่อมรู้ดีว่าพูดแบบนี้อยู่ไปก็มีแต่จะโดนมหกรรมสหบาทาสามัคคี ดังนั้นพอพูดจบเขาก็กระโดดเหย็งๆขึ้นไปควบรถคู่ใจพุ่งปราดออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้แต่เพียงเสียงท่อไอเสียกับเสียงหัวเราะเยาะดังลั่นไว้เบื้องหลังเท่านั้น
มดแดงเองก็อึ้งไปเหมือนกัน พอรู้สึกตัวอีกทีเธอก็พบว่าบรรยากาศแถวนี้เริ่มจะระอุขึ้นทุกที อย่ากระนั้นเลย ตอนนี้รีบลี้ภัยไปต่างแดนอีกคนจะดีกว่า
เพราะถึงแม้จะเป็นเด็ก แต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมดแดงก็ไวเสมอ
------------------------------------------------------
"ทำไมต้องไปยั่วโมโหคนอื่นเขาด้วยล่ะ ?"
มดแดงถามลูกท้อหลังจากทั้งคู่ขี่รถหนีมาจากที่เดิมได้พักใหญ่
"ก็พวกนั้นมันชวนโมโหนี่หว่า เชื่ออะไรกันงมงายไร้สาระ เห็นแล้วน่ารำคาญ"
"แต่เขาบอกว่าเรื่องพวกนี้ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะ บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้"
"เฮอะ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่อะไรกัน ไอ้เรื่องลึกลับก็ส่วนลึกลับ แต่ไอ้ของเก๊ที่ดูปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าแหกตายังงั้นน่ะ นอกจากเด็กใสซื่อไร้เดียงสาแบบเธอแล้วก็มีแต่พวกตัวใหญ่ไร้สมองเท่านั้นล่ะที่เชื่อ ตัวโตซะเปล่าแต่ดันไม่รู้จักคิด ชีวิตก็มีแต่จะโดนเขาแหกตาไปจนตายนั่นแหละ"
"ลูกท้อเองก็เป็นเด็กเหมือนกันไม่ใช่รึไง ? แล้วทำไมพูดแบบมั่นใจแบบนั้นล่ะ ?"
ลูกท้อเอียงคอเบ้ปากสวนกลับไปด้วยน้ำเสียงยียวนว่า
"ใครบอกกันว่าชั้นเป็นเด็ก ถึงจะเห็นแบบนี้แต่ชั้นอายุเกือบสามสิบแล้วนะเฟ้ย !!"
"โกหก ผู้ใหญ่ที่ไหนจะตัวกระเปี๊ยกแค่นี้ ! มดแดงไม่เชื่อหรอก "
"ไม่เชื่อก็ตามใจ แต่ขนาดเด็กหน้าแก่ตัวโตก็ยังมี แล้วผู้ใหญ่ที่ตัวเล็กหน้าเด็กทำไมจะมีบ้างไม่ได้ หลักฐานที่ว่าชั้นอยู่มาตั้งเกือบสามสิบปีแล้วก็คือชั้นรู้อะไรๆมากกว่าเธอเยอะไงล่ะ แน่นอนว่าไอ้เรื่องงมงายไร้สาระนั่นชั้นก็มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อมันเหมือนกัน เพราะว่าเรื่องทุกอย่างมันมีผลก็ต้องมีเหตุทั้งนั้นแหละ"
"แค่พูดใครก็พูดได้ ถ้าอยากจะให้มดแดงเชื่อก็ลองพิสูจน์มาให้เห็นสิ"
ลูกท้อยิ้มออกมา ก่อนจะพูดอย่างชื่นชมว่า
"ใช่แล้ว ถ้าเป็นของจริงก็ต้องพิสูจน์ได้ ถ้าคิดแบบนี้เอาไว้ตลอดรับรองว่าเธอจะไม่โดนชาวบ้านเขาหลอกเอาง่ายๆแบบพวกผู้ใหญ่สมองกลวงพวกนั้นแน่ๆ"
เขาพูดจบก็เหยียบคันสตาร์ทเต็มแรง เสียงเครื่องยนต์เริ่มทำงานดังแท๊ดๆๆ ตามประสารถเล็กซีซีต่ำ เขาเบิ้ลคันเร่งทีหนึ่งเพื่อวอร์มเครื่อง ก่อนจะเอาหมวกลงมาปิดหน้า โบกมือหยอยๆเป็นทีให้ตามไป
ลูกท้อขี่รถนำไปเรื่อยๆ ระหว่างทางมดแดงก็เริ่มนึกถึงอะไรหลายๆอย่าง เป็นต้นว่าลูกท้อตัวเล็กพอๆกับเธอแท้ๆ แต่ทำไมทั้งท่าทางทั้งวิธีพูดถึงได้ดูเหมือนกับผู้ใหญ่ตัวโตๆซะขนาดนั้น ท่าทางการขี่รถก็ดูชำนาญเหมือนคนที่ขี่รถมาหลายปีจนคล่องแคล่วว่องไว แถมยังรู้เรื่องอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ ไม่ว่าจะมองมุมไหน ตีลังกาดูยังไงก็ไม่เหมือนเด็กซักกะนิด
หรือว่าลูกท้อจะเป็นผู้ใหญ่ตัวเล็กอย่างที่ว่าจริงๆ ถ้ายังงั้นเธอก็เรียกชื่อเขาห้วนๆไม่ได้แล้วสิ กับคนที่อายุห่างกันตั้งยี่สิบปีนี่จะเรียกพี่ก็คงไม่พอ ต้องเรียกน้าเรียกลุงแล้วล่ะมั้ง
มดแดงคิดไปคิดมาจนสับสน ก็พอดีกับที่ลูกท้อพาเธอมาถึงซอยๆหนึ่ง ลูกท้อจอดรถที่ข้างทาง ก่อนจะชี้ไปยังบ้านที่อยู่ไกลลิบๆ ซึ่งเป็นบ้านที่อยู่ตรงทางสามแพร่งพอดี
"เธอรู้จักความเชื่อเรื่องทางสามแพร่งมั้ย ?"
"มดแดงรู้แค่ว่ามันดูไม่ค่อยดีต้องทำอะไรซักอย่างแก้เคล็ดแค่นั้นแหละ แล้วมันมีอะไรกันล่ะ ?"
"อืมม์ ตามความเชื่อที่เขาพูดกัน ทางสามแพร่งมันจะเป็นทางที่มีเส้นทางพุ่งเข้ามาหา แล้วจะเรียกเอาความชั่วร้ายเข้ามาหาได้ง่าย เพราะงั้นเขาเลยต้องใช้กระจกแปดเหลี่ยมมาติดไว้เพื่อสะท้อนสิ่งชั่วร้ายนั้นกลับไป หลักๆก็ประมาณนี้แหละ"
"แล้วมันผิดตรงไหนอ่ะ ?"
"ไอ้เรื่องความชั่วร้ายพุ่งเข้ามาหานี่ยังไงก็ไม่รู้น่ะนะ แต่ถ้าเป็นถนนแบบนี้ที่จะพุ่งเข้ามาหาก็มีแต่รถยนต์หรือมอเตอร์ไซด์เท่านั้นแหละ ยิ่งมืดๆเจอพวกชอบเมาแล้วขับก็ยิ่งเป็นเป้าง่ายเข้าไปใหญ่ แต่ไอ้เรื่องแบบนั้นมันก็เป็นเรื่องของทำเลที่มันเสี่ยงเท่านั้นแหละ ปัญหามันอยู่ที่กระจกแปดเหลี่ยมนั่นตะหาก"
"ที่ใช้สะท้อนความชั่วร้ายกลับไปน่ะเหรอ ?"
"อืมม์ แต่กรณีนี้นอกจากมันจะไม่สะท้อนความชั่วร้าย(รถ)กลับไปแล้ว มันยังจะเรียกความซวยเข้ามาหาอีกน่ะสิ"
"กระจกมันก็ต้องใช้สะท้อนสิ มันจะเรียกความชั่วร้ายเข้ามาหาได้ยังไงกันล่ะ ?"
"นั่นแหละที่จะให้เธอได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง ถ้าอยากรู้ว่ามันจะเรียกความซวยมาหาเจ้าของบ้านได้ยังไงเธอก็ลองขี่ไปบางนั้นดูสิ แค่ขี่ตรงไปแล้วก็เลี้ยวที่หน้าบ้านนั้นตามปกติเท่านั้นแหละ ไม่ต้องทำอะไรมากหรอก แต่ขอแนะนำให้ขี่ช้าๆเอาไว้จะดีกว่าเพื่อความปลอดภัย"
มดแดงไม่ค่อยเข้าใจที่ลูกท้อพูดซักเท่าไหร่ แต่เธอก็อยากรู้เรื่องกระจกเรียกความซวยที่ว่าเหมือนกัน เพราะงั้นจะลองดูก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้งนะ
เธอขี่รถไปช้าๆ เข้าไปจนไกล้จะถึงทางแยกแล้วก็ยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่พอคิดได้แบบนั้น อยู่ดีๆก็มีแสงสว่างแวบมาเข้าตา เล่นเอาเธอตาพร่จนต้องหลับตาปี๋ไปวูบนึง พอดีกับที่ข้างหน้ามีตัวหนอนกั้นความเร็วอยู่พอดี ทำให้เธอที่หลับตาอยู่สะดุดเข้ากับเนินนั้นเข้าอย่างจัง ดีที่ว่าเธอขี่มาช้าๆก็เลยไม่ถึงกับล้ม แต่ก็เล่นเอาเสียสมดุลจนเซไปเหมือนกัน
พอเธอทรงตัวได้มั่นคงแล้วก็พบว่าลูกท้อมารออยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เธอรีบถามเสียงสั่นว่า
"เมื่อกี๊พอมดแดงขี่มาก็เจอแสงสว่างจ้าซะจนลืมตาไม่ขึ้นเลย เนี่ยเหรอที่เขาเรียกกันว่าอาถรรพ์ทางสามแพร่ง ?"
ลูกท้อส่ายหน้า ตอบว่า
"เปล่า นั่นไม่เกี่ยวกับทางสามแพร่งหรอก แต่เป็นเพราะไอ้นั่นตะหาก"
เขาชี้ไปยังหน้าบ้านหลังที่อยู่กลางทางสามแพร่ง บ้านหลังนั้นมีกระจกแปดเหลี่ยมติดอยู่ที่รั้วบ้านตรงกลาง แถมยังมีพวงมาลัยกับธูปแขวนอยู่ที่รั้วอีกด้วย จากที่ดูแล้วท่าทางเหมือนจะทำไว้เพื่อแก้เคล็ดตามที่ลูกท้อบอก แต่มดแดงก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเรื่องนี้มันงมงายตรงไหน เพราะว่าเธอเองก็เพิ่งจะโดนมากับตัวเห็นๆ
"อย่าเข้าใจผิดล่ะ ไอ้แสงที่แยงตาเธอนั่นน่ะไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไรหรอก แต่มันเป็นเพราะกระจกแปดเหลี่ยมนั่นมันสะท้อนแสงมาเข้าตาตะหากล่ะ !"
"บ้านหลังนี้น่ะมีคนโดนแบบเธอมาหลายคนแล้ว แถมพวกนั้นยังเป็นพวกคนที่มาดึกๆง่วงๆ หรือไม่ก็พวกเด็กซิ่งไม่ดูตาม้าตาเรืออีกตะหาก พอเจ้าพวกนั้นซิ่งมาก็เจอแสงแยงตาแบบเธอนั่นแหละ แล้วพอหลับตาปุ๊บตัวหนอนกั้นรถก็มาอยู่ตรงหน้า ขนาดเธอขี่มาช้าๆยังเซแล้วพวกมาเร็วๆมันจะเป็นยังไงคงไม่ต้องบอกนะ"
เขาตีหน้าเครียด พูดเน้นๆว่า
"คราวนี้เข้าใจรึยังล่ะว่าไอ้ความเชื่อแบบไม่ลืมหูลืมตาน่ะ มันพาความพินาศเข้ามาหาได้ยังไง"
ความเชื่อจริงๆแล้วมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดไปซะหมด แต่หากเชื่อแล้วทำตามโดยที่ไม่คิดไตร่ตรองให้ดี บางครั้งผลมันอาจจะออกมาตรงกันข้ามเลยก็ได้ เหตุผลข้อนี้มดแดงได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงแล้ว ดังนั้นเธอตอนนี้จึงเชื่อคำพูดของลูกท้อโดยสนิทใจ เธอสัญญากับตัวเองไว้ว่าต่อจากนี้จะไม่เชื่ออะไรโดยไม่คิดอีก เพื่อจะได้ไม่เจอเรื่องโชคร้ายแบบเจ้าของบ้านหลังนี้
เพราะเธอเข้าใจแล้วว่า ความเชื่อที่ไม่ผ่านการไตร่ตรองนั้นมันอันตรายขนาดไหน
------------------------------------------------------
หลังจากวันนั้นมามดแดงก็เริ่มคิดถึงเรื่องเหตุผลของความเชื่่อมากขึ้น เธอเล่าเรื่องในวันนั้นให้คุณลุงฟังลุงก็เห็นด้วยกับความคิดนี้ เพราะลุงเองก็เป็นคนที่เชื่อในสิ่งที่พิสูจน์ได้มากกว่าความเชื่อลอยๆเหมือนกัน แล้วยังเล่าเรื่องที่เพื่อนๆของลุงโดนหลอกต้มจากเรื่องจำพวกนี้ให้ฟังอีกหลายเรื่อง ซึ่งปัจจุบันคนเหล่านั้นก็ยังต้องลำบากลำบนเพื่อหาทางสะเดาะเคราะห์อยู่เลย ทั้งที่ถ้าคิดดูดีๆก็จะหาทางออกได้แท้ๆ
วันนี้มดแดงก็ยังคงขี่รถเล่นไปมาตามตรอกซอกซอยต่างๆตามปกติ จนกระทั่งเธอได้พบกับคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาเข้านั่นแหละ
"ลูกท้อ นั่นลูกท้อใช่มั้ย ?"
เธอรีบขี่รถเข้าไปหาเพื่อนเก่าด้วยความยินดี แต่ลูกท้อกลับมีสีหน้าประหลาดใจที่เจอเธอ จะบอกว่าตกใจเลยก็ว่าได้
แทนคำทักทาย ลูกท้อกลับถามเธอด้วยสีหน้าหวาดๆว่า
"เธอเป็นใครกันน่ะ ?"
"หา พูดอะไรน่ะ ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วันก็ลืมไปแล้วเหรอ นี่มดแดงเองไงล่ะ"
"มดแดงไหน เราไม่รู้จักซักหน่อย แล้วเราก็ไม่ได้ชื่อลูกท้อนะ เราชื่อเกาลัดตะหาก"
พอฟังถึงตรงนี้ มดแดงก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าลูกท้อในวันนี้ต่างจากเมื่อวันก่อน ไม่ใช่แค่ท่าทางที่แปลกไปเท่านั้น กระทั่งน้ำเสียง วิธีพูด หรือแม้แต่เสียงของลูกท้อคนนี้ก็ไม่เหมือนกับคนที่เธอได้เจอเมื่อวันก่อนเลย ทั้งหมดนั้นต่างกันราวกับเป็นคนละคน ที่เหมือนกันก็มีแต่หน้าตารูปร่างเท่านั้นเอง
หรือว่านี่จะเป็นฝาแฝด ?
"เธอ... ไม่ใช่คนที่ขี่มอเตอร์ไซด์วิบากคันเล็กเมื่อวันก่อนจริงๆเหรอ ?"
"สองสามวันก่อนเรามีขี่รถวิบากเล่นอยู่เหมือนกันนะ แต่จำไม่เห็นได้เลยว่าเจอกับเธอเมื่อไหร่ ที่สำคัญเราก็ไม่ได้ชื่อนั้นด้วย"
"แล้วเธอมีพี่น้องที่หน้าตาเหมือนกันมั่งไหม ?"
"ไม่มีหรอก เราเป็นลูกโทน"
มดแดงยิ่งฟังก็ยิ่งงง จะว่าเธอจำคนผิดก็ไม่น่าจะใช่ จะว่าฝาแฝดก็ไม่ใช่อีก หรือว่าลูกท้อเป็นโรคความจำเสื่อม แต่ก็ไม่น่าจะถึงขนาดลืมชื่อตัวเองได้เลยนี่นา
เธอลองเล่าเรื่องในวันนั้นให้เด็กชายฟัง เขาฟังอย่างตั้งอกตั้งใจเหมือนได้ฟังเรื่องของคนอื่น ดูยังไงก็ไม่ใช่ท่าทางของเด็กชายอวดดีจอมหาเรื่องเมื่อวันก่อนเลยซักนิด จนมดแดงเริ่มไม่มั่นใจในตัวเองขึ้นมาแล้วว่าจริงๆเป็นตัวเองที่จำคนผิดไปเองรึเปล่า
"สรุปก็คือ เธอเจอคนที่เหมือนกับเรา แต่เป็นเหมือนตาลุงจอมหาเรื่องงั้นใช่ไหม ?"
"อืมม์"
"แถมตาลุงนั่นก็ยังขี่รถมอเตอร์ไซด์เก่งมาก แล้วก็ขี้รำคาญเกลียดเรื่องงมงายด้วยใช่ไหม ?"
"อืมม์ ท่าทางมดแดงจะจำคนผิดไปจริงๆนั่นแหละ ขอโทษด้วยก็แล้วกัน"
"เปล่า นั่นไม่ใช่เราก็จริง แต่ท่าทางคงไม่ได้จำคนผิดหรอก"
มดแดงยิ่งฟังก็ยิ่งงง ถามกลับไปว่า
"หมายความว่าไงอ่ะ ?"
"ก็หมายความว่าไอ้ที่เธอเจอเป็นตัวเราก็จริง แต่ไอ้ที่ไปหาเรื่องชาวบ้านนั่นน่ะไม่ใช่เรา แต่เป็นไอ้ตัวนี้ตะหาก"
เขาพูดจบก็หยิบตุ๊กตาตัวหนึ่งออกมาจากกระเป๋า เป็นตุ๊กตารูปยักษ์สีแดง ทำจากพลาสติกเบาราคาถูกเหมือนของเล่นเด็กราคาไม่กี่สิบบาท ซึ่งดูยังไงก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเรื่องที่เกาลัดพูดเลย
"ไอ้นี่มันอะไรน่ะ ?"
"ยักษ์แดงจอมหาเรื่อง"
"เธอจะบอกว่าไอ้ตัวนี้มันแปลงเป็นตัวเธอแล้วออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกงั้นเหรอ ?"
"พูดอะไรบ้าๆฟะยัยเปี๊ยก ชั้นไม่ใช่รถยนต์นะเฟ้ยจะได้แปลงร่างเป็นหุ่นยักษ์วิ่งไปวิ่งมาได้ !!"
เสียงโวยวายดังมาจากตุ๊กตายักษ์แดงตัวนั้น เป็นน้ำเสียงและวิธีพูดแบบเดียวกับลูกท้อ เด็กจอมหาเรื่องที่เธอได้เจอเป็นวันก่อนไม่มีผิดเพี้ยน
"อะไรเนี่ย ไอ้หุ่นตัวนี้เป็นโทรศัพท์มือถือหรอกเหรอ ว่าแต่ปุ่มไม่มีแล้วจะโทรเข้าโทรออกยังไงกันล่ะ ?"
เกาลัดส่ายหัวตอบว่า
"เปล่า ไอ้นี่มันเป็นแค่ตุ๊กตายักษ์แดงตัวละยี่สิบเท่านั้นแหละ พ่อเราซื้อมาให้จากตลาดน่ะ"
"แล้วเสียงมันมาจากไหนอ่ะ ?"
"ก็มาจากชั้นนี่ไงเล่า !"
มีเสียงดังมาจากตุ๊กตานั่นอีกครั้ง พร้อมกับหมอกจางๆที่พุ่งออกมาจากในตัวหุ่น แล้วเปลี่ยนรูปร่างไปเป็นชายหนุ่มท่าทางนักเลง ที่มีแววตาสีแดงก่ำและรอยยิ้มเหมือนพร้อมจะมีเรื่องกับใครก็ได้ได้ทุกเวลา
"ยักษ์แดงจอมอาละวาด ขาใหญ่จอมลุยมาแล้วเฟ้ย !!"
ชายหนุ่มตาขวางประกาศกร้าวด้วยท่าทีสุดระรื่น ดูเหมือนการทำให้ชาวบ้านตกใจจะเป็นงานอดิเรกของหมอนี่ไม่ผิดแน่ ซึ่งมันก็ทำให้มดแดงตกใจได้จริงๆซะด้วยสิ ตกใจจนแทบหมดสติเลยด้วยซ้ำไป
เพราะว่าเธอจำน้ำเสียงและท่าทางแบบนี้ได้ นั่นเป็นท่าทางเดียวกันกับลูกท้อเมื่อวันก่อนไม่ผิดแน่ !
"มันก็แบบนี้แหละ พอดีว่าพ่อของเราแกเป็นหมอผีเลยจับพวกวิญญาณเร่ร่อนส่งไปเกิดไหม่อยู่บ่อยๆ แล้วพอดีว่าเจ้าตัวนี้มันคุยกับพ่อถูกคอ แกเลยเอาวิญญาณเจ้านี่ยัดไว้ในตุ๊กตาแล้วให้เราพกมาไว้ใช้เป็นบอดี้การ์ด แต่เจ้านี้ดันมาสิงร่างเราเอาไปขี่รถเล่นตามใจชอบ แถมดันไปหาเรื่องชาวบ้านเขาอีก ท่าทางต้องให้พ่อเอาไปอบรมซะหน่อยแล้วล่ะมั้งเนี่ย... อ้าว ? เป็นอะไรไปล่ะ ? เฮ้ ! เธอ ! อย่าเพิ่งเป็นลมสิ ! ทำใจดีๆไว้ก่อน !!"
------------------------- จบ -------------------------
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น